แนะนำ
ลบไฟล์
ลบเอกสาร <span id="remove-document-name"></span> จากรถเข็นการดาวน์โหลดหรือไม่?
ด้วยวิธีการผลิตแบบสมัยใหม่ จึงทำให้ตัวผลิตภัณฑ์สามารถทำงานได้เร็วที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องสำหรับสภาพแวดล้อมการทำงานตามหลักการยศาสตร์ (เออร์โกโนมิกส์)
การใช้งาน:
ผลิตภัณฑ์ทำจากยางพาราธรรมชาติมีลักษณะพิเศษคือมีความยืดหยุ่นและความทนต่อแรงดึงที่สูงมาก ลักษณะนอกเหนือจากนี้ คือมีความต้านทานต่อแรงกระแทกที่ทำให้เป็นรอยบาก และความต้านทานต่อการเสียดสี ในหมู่วัสดุอิลาสโตเมอร์ทั้งหมดนั้น วัสดุเหล่านี้มีความสามารถในการโหลดทางกล (แมคคานิกส์)และโหลดพลวัตร(ไดนามิก)ได้มากที่สุด แต่ถึงกระนั้นยางพาราธรรมชาติจะไม่สามารถทนต่อของเหลวอิเล็กโตรไลต์ ไฮโดรคาร์บอนแอลิฟาติก อะโรเมติค และคลอริเนเตตได้
น้ำมันและก๊าซธรรมชาติคือวัสดุพื้นฐานสำหรับยางพาราสังเคราะห์ ซึ่งเป็นเวลาหลายปีมาแล้วที่มีการนำวัสดุนี้มาทดแทนยางพาราธรรมชาติ แต่ปัจจุบันมีการใช้ยางพาราสังเคราะห์เป็นตัวเลือกอันดับแรกสำหรับงานหลายๆอย่างเพิ่มมากขึ้น ทุกวันนี้มียางพาราสังเคราะห์มากมายหลายชนิด ซึ่งมีคุณสมบัติที่นำไปใช้ได้ในการใช้งานหลายรูปแบบ จึงทำให้มีการนำเทคโนโลยีของยางมาใช้ในกรรมวิธีสมัยใหม่
นอกจากนี้ ยางไม่ได้เป็นเพียงแค่สารเคมีเพียงเท่านั้น แต่เป็นการผสมผสานของวัสดุหลากหลายชนิดที่แตกต่างกัน คุณสมบัติทางกลไกและการต้านทานการสึกกร่อนต่างๆ สามารถเกิดขึ้นได้ด้วยสูตรทางเคมีที่รวมสารต่างๆ กว่าหลายร้อยชนิดเข้าไว้ด้วยกันเท่านั้น ยางพาราซึ่งเป็นวัสดุโมเลกุลใหญ่ ช่วยทำให้ยางมีคุณสมบัติความยืดหยุ่น คุณสมบัติทางกลไกต่างๆ เช่น ค่าการยืดสูงสุดก่อนขาด ความยืดหยุ่นที่สามารถคืนตัวได้ ความแข็งแรงและความทนทานสูงสุดจากแรงดึงอย่างต่อเนื่อง จะขึ้นอยู่กับความยืดหยุ่นของยาง การเพิ่มสารเคมีและสารเติมแต่งอื่นๆ รวมถึงกระบวนการทางเทคโนโลยีการคงรูปของยางทำให้วัสดุดังกล่าวสามารถใช้งานได้อย่างดี
ความหลากหลายในการผสมผสานของสารเติมแต่งและการผลิตให้มีรูปลักษณ์ภายนอกหลากหลายรูปแบบ พิสูจน์ให้เห็นว่าปัญหาทุกอย่างมีทางแก้
เนื่องจากอุปกรณ์ยางกันกระแทกผลิตจากวัสดุพื้นฐานที่คุ้มค่าต่อการลงทุน โครงการของเราจึงนำเสนอผลิตภัณฑ์ในราคาประหยัดสำหรับความต้องการทางเทคนิคนานัปการ คุณสมบัติในการดูดซับพลังงานของอุปกรณ์กันกระแทกแบบยางมีจำกัด เนื่องจากผลิตจากวัสดุที่ไม่สามารถกดอัดได้
การสั่นสะเทือนดังต่อไปนี้จะได้รับการปกป้องและลดความรุนแรงลง ซึ่งได้แก่:
การก่อสร้างและลักษณะคุณภาพ:
เทคโนโลยีการคงรูปของยางจะช่วยให้มีพลังยึดเกาะสูงสุดระหว่างยางและเหล็กกล้า
องค์ประกอบกันชนยางแบบโลหะ ใช้เพื่อรับนํ้าหนักอย่างไร้แรงสะเทือนสำหรับอุปกรณ์น้ำหนักเบาและปานกลางที่มีโหลดพลวัตร (ไดนามิก) วัสดุดังกล่าวไม่สามารถกดอัดได้ มีความยืดหยุ่น ป้องกันการฉีกขาดและการเสื่อมตามอายุ มีอุณหภูมิการใช้งานตั้งแต่ -30° ถึง +70°C
อุปกรณ์กันชน/กันกระแทกมวลเบามีลักษณะพิเศษที่สามารถดูดซับพลังงานได้สูง โดยมีความยาวในการบีบอัดมาก ซึ่งทำให้มีค่าแรงดันสุดท้ายและค่าแรงหน่วงที่รับได้อยู่ในระดับที่ต่ำ ยางกันกระแทกมวลเบาผลิตจากวัสดุโพลียูรีเทนอิลาสโตเมอร์มวลเบาที่มีแรงต้านทานทางโครงสร้างสูง คุณภาพที่โดดเด่นคือมีสภาพการอัดตัวที่แบ่งเป็นชั้นๆ ซึ่งทำให้มีการขยายตัวแนวขวางค่อนข้างน้อยในระหว่างการใช้งานที่ต้องรับน้ำหนัก ยางกันกระแทกมวลเบามีความทนทานต่อสารประเภทอะลิฟาติกไฮโดรคาร์บอน เช่น น้ำมัน จาระบี และทนต่อการเสื่อมตามอายุ ความต้านทานโดยทั่วไปนี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการใช้งานทางเทคนิคได้
ยางกันกระแทกมวลเบานั้นไม่สามารถทนต่อกรดและสารชะล้างที่มีฤทธิ์กัดกร่อนสูงได้ มีอุณหภูมิการใช้งานอยู่ระหว่าง –20 °C และ +80 °C
โดยทั่วไป จะจัดจำหน่ายและจัดส่งรุ่นพิเศษให้ตามที่สั่งเท่านั้น หากติดตั้งตัวยางกันกระแทกมวลเบาไว้สูงกว่า 3 ม. ต้องทำให้แน่นและปลอดภัยมากขึ้นด้วยการติดตั้งเชือกนิรภัย
วัสดุของส่วนมวลเบา
คุณภาพมาตรฐาน
คุณภาพพิเศษ
ด้วยคุณสมบัติพิเศษในการดูดซับพลังงานนั้น ยางกันกระแทกมวลเบาจึงเป็นส่วนเติมเต็มที่เหมาะสมของกลุ่มอุปกรณ์ยางกันกระแทก โดยสภาพการอัดตัวที่แบ่งเป็นชั้นๆนั้นจะช่วยให้มีความยาวในการบีบอัดมาก ทำให้มีค่าแรงหน่วงอยู่ในระดับที่ดีมาก